
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง:สำคัญแค่ไหน และทำไมต้องเปลี่ยนตามระยะ?
ทำไมต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง?
น้ำมันเครื่องเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยหล่อลื่นและปกป้องเครื่องยนต์จากการสึกหรอ ความร้อน และสิ่งสกปรกที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ หากไม่ได้รับการเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ลดลง สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายก่อนเวลาอันควร
ไส้กรองน้ำมันเครื่องมีหน้าที่กรองสิ่งสกปรกและเศษโลหะที่อาจปะปนมากับน้ำมันเครื่อง เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ไส้กรองจะอุดตัน ทำให้การไหลเวียนของน้ำมันเครื่องลดลง ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเกิดการสึกหรอเร็วขึ้น
สัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
- เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ – หากเครื่องยนต์เริ่มมีเสียงดังขึ้น หรือทำงานไม่เรียบ อาจเกิดจากการเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่อง
- ไฟเตือนน้ำมันเครื่องขึ้น – ไฟเตือนบนหน้าปัดเป็นสัญญาณว่าความดันน้ำมันเครื่องลดลง ซึ่งอาจเกิดจากน้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพหรือปริมาณน้ำมันเครื่องลดลง
- ควันไอเสียผิดปกติ – หากมีควันไอเสียสีดำหรือน้ำเงิน อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำมันเครื่องหมดอายุการใช้งาน
- เครื่องยนต์ร้อนเกินไป – น้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพอาจทำให้เครื่องยนต์ไม่มีระบบหล่อลื่นที่ดีพอ จนทำให้ความร้อนสูงขึ้น
- อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น – น้ำมันเครื่องเก่าที่หนืดขึ้นอาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองบ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์มักจะแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 5,000 – 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเครื่องและลักษณะการขับขี่
- รถที่ใช้งานหนักหรือขับขี่ในเมืองบ่อย ๆ ควรเปลี่ยนทุก 5,000 กิโลเมตร
- รถที่ใช้ระยะไกลเป็นหลัก อาจเปลี่ยนทุก 7,500 – 10,000 กิโลเมตร
- ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรืออย่างน้อยทุก 10,000 – 15,000 กิโลเมตร
ขั้นตอนการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
- เตรียมอุปกรณ์ – น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับรถ ไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่ กรวย เทปพันท่อ และเครื่องมือถอดไส้กรอง
- ยกรถขึ้นเพื่อความสะดวก – ใช้แม่แรงยกรถขึ้น หรือขับขึ้นทางลาดที่ปลอดภัย
- ระบายน้ำมันเครื่องเก่า – เปิดฝาน้ำมันเครื่องและถ่ายน้ำมันเครื่องเก่าทิ้ง รอจนกว่าน้ำมันเครื่องจะหยุดไหล
- เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง – ใช้เครื่องมือถอดไส้กรองเก่าออก แล้วติดตั้งไส้กรองใหม่
- เติมน้ำมันเครื่องใหม่ – เติมน้ำมันเครื่องตามปริมาณที่ผู้ผลิตรถกำหนด
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง – ใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องเช็กให้แน่ใจว่ามีปริมาณที่เหมาะสม
- สตาร์ทเครื่องยนต์และตรวจสอบรอยรั่ว – สตาร์ทเครื่องยนต์สักครู่แล้วตรวจสอบว่ามีการรั่วซึมหรือไม่
ประโยชน์ของการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองตามระยะ
✔ ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ – ลดการสึกหรอและช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่น
✔ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง – ลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ ทำให้ไม่ต้องใช้พลังงานมากเกินไป
✔ ลดโอกาสเกิดความเสียหายร้ายแรง – ป้องกันการอุดตันและความร้อนสะสมในเครื่องยนต์
✔ ช่วยลดมลพิษ – น้ำมันเครื่องใหม่ช่วยลดการปล่อยไอเสียที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
✔ ขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น – เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากปัญหาทางเทคนิค
สรุป
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองตามระยะที่กำหนดเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นการดูแลรักษารถยนต์ให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ป้องกันการสึกหรอ และลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมแซมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อย่าลืมเช็กระยะทางและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อให้รถของคุณอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด พร้อมใช้งานได้ทุกสถานการณ์
CARS X ทุกการขับขี่มีรอยยิ้ม 😊
สำหรับท่านใดที่สนใจออกรถที่ CARS X หรืออยากชมรถ อยากทดลองขับ ก็สามารถมาได้ที่ CARS X สาขาใกล้บ้านคุณ หรือรับชมสินค้าทั้งหมด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE Official ออกรถที่ CARS X ออกรถเพียง 𝟱𝟱 บาท รับประกัน 𝟱 ปี 𝟱𝟬,𝟬𝟬𝟬 กม. 🧡

#carsx #คาร์เอ็กซ์ #CARSX55บาท #รถมือสอง #ออกรถ55บาท #รถยนต์มือสองสภาพดี #รถยนต์มือสอง #รับประกัน5ปี #คาร์เอ็กซ์ศูนย์รถยนต์มือสอง #รถยนต์มือ2 #carsxรถยนต์มือ2 #carsxรถมือสอง #รถมือสองคาร์เอ็กซ์ #คาร์เอ็กซ์รถมือ2 #รถยนต์มือ2คาร์เอ็กซ์
ข่าวสารอื่นๆ

SUMMER SALE
กรุณากรอกข้อมูลของท่าน
เราจะทำการติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

ทีมงาน CARS X จะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด